Linux เป็นระบบปฏิบัติการเช่นเดียวกับ Windows ที่ต้องติดตั้งบนเครื่อง PC หรือ Server เพื่อให้โปรแกรมหรือ Application ต่างๆทำงานได้ เพียงแต่ Windows เป็นลิขสิทธิ์ของ Microsoft ส่วน Linux นั้น Linus B. Torvalds ณ University of Helsinki ประเทศฟินแลนด์ เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา Linux ออกเสียงได้หลายแบบ เช่น ลีนุกซ์, ไลนักซ์, ลีนิกซ์ เป็นต้น
คุณสมบัติของ Linux ที่น่าสนใจคือ
- Linux is free คือเป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้งานได้ฟรี ฟรีในที่นี้คือติดตั้งฟรี download ฟรี Update ฟรี แต่ค่าดูแลอาจจะไม่ฟรีนะครับ แต่ต้องระวังปัจจุบันมี Linux หลาย Distribution ที่ไม่ฟรี อย่างเช่น Red Hat Enterprise Linux Server เป็นต้น ควรจะเลือกเป็น CentOS หรือ Ubuntu ที่ยังฟรีอยู่ ดูตัวอย่าง Linux Distribution ต่างๆได้ตาม link http://distrowatch.com/
- Linux is portable to any hardware platform คือสามารถนำไปติดตั้งกับ Hardware ทุกค่ายทุกยี่ห้อ หรือจะบอกว่าบริษัทผู้ผลิตทุกค่ายต้องผลิต PC หรือ Server ออกมาให้สามารถติดตั้ง Linux ได้ด้วยนั่นเอง และยังสามารถติดตั้ง Linux ในเครื่อง PC เก่าๆได้ด้วย
- Linux was made to keep on running คือ เราสามารถทำการแก้ไข Config หรือติดตั้ง Service เพิ่ม ในขณะที่ Linux ยังทำงานอยู่ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องหยุดการทำงานของ Service แต่อย่างใด
- Linux is secure and versatile คือมีความปลอดภัย ไม่ติดไวรัส และทำได้หลายอย่างมีความคล่องตัวสูงปรับแต่งง่าย อันนี้ต้องผู้เคยใช้งานจะรู้สึกแบบนี้จริงๆครับ
- Linux is scalable คือ สามารถขยายหรือต่อยอดได้ เมื่อมีการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน หรือปรับเปลี่ยน Network ทำได้ง่ายและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพราะไม่มีเรื่องของลิขสิทธ์
- Multitasking คือสามารถทำงานได้หลายๆ Service พร้อมๆกัน เช่นเป็นท้้ง Proxy Server , Mail Server , Internet Gateway ,Web Server เป็นต้น แต่ควรดูปริมาณการใช้งานของ Memory , CPU, และพื้นที่ Harddisk ด้วยนะครับ
- Multiuser คือ สามารถใช้งานได้หลาย user พร้อมๆกัน
- Text Mode & Graphic Mode (Xwindows) คือมีทั้ง Text Mode ที่ต้องใช้ command และ Graphic Mode ใช้ mouse ได้เหมือน windows เลยครับสะดวกมากๆ
- Console & Remote คือสามารถใช้งานหรือแก้ไข Config ได้ทั้งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และการ Remote มาจากระยะไกล เช่นการใช้ Secure Shell หรือ Remote Desktop เช่นเดียวกับ Windows ก็ได้
- อื่นๆ เช่น เรื่องความคงทน ความเสถียร หรือการ boot ที่ไวกว่า OS อื่นเป็นต้น

จะเห็นว่า Linux มีข้อดีมากมาย จึงทำให้ปัจจุบันหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนหันมาใช้ Linux กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการ Internet ( ISP ) , บริษัท ,โรงเรียน รวมถึงร้าน Internet Cafe เป็นต้น แต่ทั้งนี้ควรจะมีการปรับแต่ง Config บางอย่างเป็น ดังนั้นควรจะมีความรู้ในเรื่องของ Basic Linux Command เบื้องต้นนะครับ ตาม วีดีโอด้านล่างนี้นะครับ

ตอนที่ 1

 ตอนที่ 2 ภาคภาษาอังกฤษ

ตอนที่ 3

ตอนที่ 4

 

ตอนที่ 5

 ตอนที่ 6

 

ตอนที่ 7

ตอนที่ 8  

 

ส่วนเจ้าหน้าที่ไอทีเอง ไม่ว่าจะเป็น System Engineer , Network Engineer , IT Admin หรือแม้แต่ระดับ IT Manager ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยง Linux Server ได้ เมื่อเป็นนโยบายของผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัทที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

 

ในส่วนของ IT Cert. ที่เป็น Linux Certification นั้น ผมขอแนะนำดังต่อไปนี้

- RHCSA ( Red Hat Certified System Administrator ) เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้าน Linux และ Unix system มาแล้ว 1-3 ปี ต้องรู้ถึงการบริหารจัดการ Linux server ประกอบด้วยการติดตั้งและการกำหนดค่าของ local components และ services รวมถึงการเชื่อมต่อไปยัง network services ที่มีอยู่ ต้องมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการใช้ command line และรู้วิธีการเข้าถึง man pages ด้วย

- RHCE ( Red Hat Certified Engineer ) เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้าน Linux system administrators อย่างน้อย 3 ปี และต้องการมีความเชี่ยวชาญด้าน networking และsecurity administration ต้องสามารถกำหนดค่าความปลอดภัย การพัฒนา และการบริหารจัดการบริการของระบบเครือข่าย ประกอบด้วย DNS, Apache, SMTP และ network file sharing รวมถึงความสำคัญทางด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย monitoring, packet filtering, access controls และ SELinux ด้วย

- CompTIA Linux+ เป็น Certification ที่ไม่ขึ้นอยู่กับ Vendor รายใดรายหนึ่ง เรียกว่าเป็น "Vendor-neutral Certification" หรือเป็น Linux Certification ที่ไม่ผูกกับ LINUX Distribution ค่ายใดค่ายหนึ่งโดยเฉพาะ ความยากของ LINUX+ นั้นอยู่ในระดับ Entry-level คือจะไม่ยากมากนักเป็น LINUX Certificatification ระดับ Administrator

- LPI: Level I, II, III LPI Certification (LINUX Professional Institute ) เป็นองค์กรแบบ non-profit ที่มีการจัดสอบวัดความรู้ความสามารถของ System Administration และ System Engineer ที่ทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ใช้ LINUX เป็นหลัก ผู้สอบต้องสอบผ่าน Level I ก่อน ซึ่งเป็นระบบ LINUX Certified Administrator จากนั้นสอบต่อในระดับ Level II เป็น LINUX Certified Engineer ส่วนใน Level III เป็น Linux Certification ระดับ enterprise-level Linux professional.

สำหรับในเมืองไทยแล้วผู้ที่มี Cert. Linux นั้นยังนับว่าน้อยมาก แต่จะเริ่มมีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากปัญหาการติดตั้งและแก้ไขแบบไม่ถูกหลักการของผู้ที่ไม่มี Certificate นั่นเอง ผู้ที่สามารถสอบผ่านจนได้รับ Cert. Linux โดยเฉพาะ RHCE ซึ่งต้องสอบภาคปฏิบัติเท่านั้น เป็นเครื่องยืนยันในความสามารถได้เป็นอย่างดี บวกกับประสบการณ์ทำงานกับ Linux Server จะช่วยให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ Linux Server มากขึ้น

แนวโน้มการติดตั้ง Linux บน Server นั้นมีมากขึ้น โดยเฉพาะบน supercomputers ที่มีความเร็วสูงสุดจำนวน 500 เครื่อง มีการติดตั้ง Linux ไว้ถึง 96.4 % ตามข้อมูลด้านล่าง

Source Date Method Linux Unix Mixed Microsoft Windows BSD based
TOP500 November 2013 Systems share 96.4% 2.2% 0.8% 0.4% 0.2%
TOP500 November 2013 Performance share 98.0% 1.4% 0.47% 0.13% 0.05%
แหล่งที่มาตาม link นะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Usage_share_of_operating_systems หรือ http://en.wikipedia.org/wiki/File:Operating_systems_used_on_top_500_supe...

หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ